การดูแลสุขภาพผม  

Posted in

.......โดยปกติแล้วเส้นผมที่แข็งแรงจะนุ่มเป็นเงามัน เพราะถูกเคลือบไว้ด้วยซีบัม ( sebum ) ซึ่งเป็นน้ำมันตามธรรมชาติที่ต่อมไขมันบนหนังศีรษะสร้างออกมา เพื่อทำให้หนังศีรษะชุ่มชื่นและทำให้เส้นผมอ่อนนุ่ม นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการแพร่เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อหนังศีรษะอีกด้วย

ต่อไปนี้เป็นวิธีการดูแลสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงแลดูมีสุขภาพดี ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

ö การกินอาหาร หากเส้นผมมีปัญหา เป็นไปได้ว่าผมกำลังขาดแร่ธาตุหรือวิตามินบางชนิด อาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม เช่น ไข่และผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียวเข้ม ฟักทอง แคร์รอต และพืชผักอื่น ๆที่อุดมด้วยเบตาแคโรทีน ปลาที่มีไขมันมาก ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วเปลือกแข็ง อาหารทะเล ข้าวกล้อง เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นอกจากนี้ยังมีผักผลไม้สดทุกชนิดที่มีวิตามินซี และที่จะขาดไม่ได้ก็คือ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ( 6-8 แก้ว )

....ในกรณีที่หนังศีรษะแห้งและมีรังแคอาจเป็นเพราะขาดธาตุสังกะสี แหล่งอาหารที่มีธาตุสังกะสี เช่น หอยนางรม เนื้อแดง เมล็ดฟักทอง กรดไขมันจากน้ำมันพืชทุกชนิด ถั่วเมล็ดแห้ง ปลาที่มีไขมันมาก ปลากะพง ปลาสำลี ปลาสวาย ปลาช่อน ปลาดุก ปลาซาร์ดีน และปลาแซลมอน
....แต่ถ้าผมร่วง อาจเกิดจากการขาดวิตามินเอ อาหารที่มีวิตามินเอ เช่น ข้างกล้อง ปลาที่มีไขมันมาก ถั่ว ไข่ นม โยเกิร์ต
.....ผมกระด้าง อาจเกิดจากการขาดวิตามินบี อาหารที่มีวิตามินบี เช่น ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม
....ผมเปราะแตกหักง่าย อาจเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมีมากในเมล็ดงา ปลาซาร์ดีน แอพริคอตแห้ง ปลาทูน่า เนื้อวัว ตับ
....ผมเสียมาก อาจเกิดจากการขาดธาตุทองแดงและสังกะสี ทองแดงพบมากในตับวัว หอยนางรม ปลาซาร์ดีน เห็ด ถั่วลิสง ลูกพรุน ปู กุ้งมังกร ส่วนสังกะสีพบมากในหอยนางรม จมูกข้าวสาลี เนื้อซี่โครงหมู ปลาซาร์ดีน

ö การทำความสะอาดผม การสระผมเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยขจัดฝุ่นละออง เชื้อโรคและรังแคแล้ว ยังช่วยให้หนังศีรษะผ่อนคลายอีกด้วย โดยขณะสระผมนิ้วมือของเรา จะไปนวดกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันและการไหลเวียนของเลือด แชมพูที่ใช้ในการสระผมควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผม และควรเป็นแชมพูอ่อน ๆ ที่เมื่อใช้แล้วไม่เกิดอาการแสบ คันหรือหนังศีรษะแห้งเป็นขุย ถ้าผมแห้ง หลังสระควรใช้ครีมนวดโดยเฉพาะครีมนวดที่ผสมมอยซ์เจอไรเซอร์ แต่ถ้าผมผ่านการดัดมาแล้ว ควรใช้แชมพูสระผมสูตรอ่อนโยนเป็นพิเศษหลังสระผม ซับผมให้พอหมาด แล้วปล่อยให้แห้งเอง และไม่ควรหวีหรือแปรงผมขณะเปียก ถ้าสระผมตอนกลางคืน ควรรอให้ผมแห้งก่อนจะเข้านอน เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดเชื้อราได้ และเมื่อตื่นขึ้นมาผมก็จะลีบแบนไม่เป็นทรง ถ้าอยากให้ผมแห้งเร็วอาจใช้ไดร์เป่าผมเข้าช่วย แต่ต้องใช้ระดับความร้อนต่ำ และเป่าเมื่อผมเริ่มหมาดแล้ว

.....ถ้าผมไม่สกปรกมาก ควรสระผมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง การสระผมบ่อยเกินไป อาจทำให้หนังศีรษะแห้ง และการสระแต่ละครั้งให้ใช้แชมพูแค่ 1-2 ครั้ง เพราะการใช้แชมพูเกินกว่านั้น จะเป็นการขจัดน้ำมันตามธรรมชาติที่เคลือบเส้นผมอยู่ และทำให้ผมจัดทรงยาก

ö การหวีผม นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และฝุ่นละอองแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมทั้งช่วยกระจายไขมันที่ผลิตออกจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผมนุ่มสลวยเป็นเงางาม

.....แปรงหรือหวีที่ใช้หวีผมควรมีลักษณะปลายมนกลม ไม่แหลมคม และซี่ห่างพอสมควร หากเป็นไปได้ควรใช้แปรงหรือหวีที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น เขาสัตว์ ไม้ หรือขนสัตว์

.....วิธีหวีผมที่จะช่วยให้ผมมีสุขภาพดี ก็คือ ต้องก้มศีรษะไปข้างหน้าเล็กน้อย เลือดจะได้ไหลเวียนไปเลี้ยงหนังศีรษะได้ทั่วถึง จากนั้นให้แปรงผมอย่างเบามือประมาณ 30 -40 ครั้ง การแปรงแต่ละครั้งต้องให้ซี่หวีสัมผัสหนังศีรษะด้วยทุกครั้ง
ระหว่างสระผมควรนวดหนังศีรษะเบา ๆ ไปด้วย เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น การนวดทำได้โดยใช้ปลายนิ้วทั้ง 10 นิ้วกดลง แล้วนวดลงน้ำหนักปานกลางให้ทั้งศีรษะ จะทำให้รู้สึกสบายขึ้น
การใส่น้ำมันหรือครีม ในผู้ที่หนังศีรษะแห้งหลังสระผมอาจต้องใส่น้ำมันหรือครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น แต่อย่าใส่มากเกินไป เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละอองได้ อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผมก็คือ ชโลมน้ำมันมะกอกอุ่น ๆ ก่อนสระผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ ทิ้งไว้ประมารณ 20 นาที จึงสระและล้างออก

.....หลีกเลี่ยงไม่ให้ผมโดนแดดจ้า คลอรีน หรือน้ำทะเลบ่อย ๆ เพราะจะทำให้เส้นผมและหนังศีรษะแห้ง
เพื่อป้องกันผมแตกปลาย ให้เล็มปลายผมทุก ๆ 2 สัปดาห์ ส่วนปลายผมที่สั้นและขาด หรือแตกปลายมาก ๆ เล็มไม่ได้ ให้ใช้ครีมนวดชโลมบริเวณที่แตกปลาย เมื่อผมยาวพอตัดได้แล้ว จึงเล็มออก

อ้างอิงจาก Guidebook for Health and Wellness
โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด